Infinix ได้เผยโฉม Infinix NOTE 40 Series ที่ประกอบด้วย NOTE 40, NOTE 40 Pro, NOTE 40 Pro 5G, และโมเดลตัวท็อปที่น่าจับตามองอย่าง NOTE 40 Pro+ 5G ที่ผสานความเร็วแรงเข้ากับเทคโนโลยีสุดล้ำ ยกระดับมาตรฐานการชาร์จเร็วให้เหนือระดับมากยิ่งขึ้น

ดีไซน์ที่ทันสมัยและโดดเด่น

Infinix NOTE 40 Pro Series ได้รับแรงบันดาลใจจากความงามของทิวทัศน์ในเมือง ออกแบบมาให้มีหน้าจอที่สวยงาม ความโค้ง 55 องศา พร้อมกับกระจก Corning® Gorilla® Glass มอบสัมผัสที่หรูหราแต่ทนทานและแข็งแรง ด้วยดีไซน์หน้าจอและกรอบที่บางเฉียบ โดยใช้การออกแบบทางอิเล็กทรอนิกส์ MDA (metal device antenna) ที่ตัวเครื่องผสานเป็นหนึ่งเดียว

และซ่อนเสาอากาศไว้ภายในตัว กับหน้าจอ AMOLED 120Hz ที่ให้ความละเอียด 1080P และความสว่างสูงสุด 1,300 นิต ช่วยให้มองเห็นได้ชัดเจนในทุกสภาพแสง พร้อมการรับรองจาก TÜV Rheinland สำหรับการป้องกันแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อสายตา และอัตราการหรี่แสง PWM 2160Hz ที่สูง มอบความสบายแก่สายตา

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่โดดเด่นคือ Active Halo ที่ผสานเทคโนโลยี AI เข้ากับดีไซน์อย่างลงตัวช่วยเพิ่มลูกเล่นให้กับซีรีส์ NOTE 40 ด้วยแสงไฟที่แสดงอยู่บริเวณโมดูลของกล้อง โดยแสงไฟนี้จะเปลี่ยนไปตามกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การรับสาย การแจ้งเตือน การเล่นเกมหรือฟังเพลง การชาร์จแบตเตอรี่ หรือการใช้ผู้ช่วยเสียงอย่าง Folax

ยกระดับการถ่ายภาพและวิดีโอ

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพไปจนถึงเหล่าคอนเทนท์ครีเอเตอร์ ซีรีส์ NOTE 40 มอบประสิทธิภาพกล้องถ่ายรูปที่ยอดเยี่ยมและตอบโจทย์งานใช้งานกับเทคโนโลยีการซูมภายในเซนเซอร์ขั้นสูง ช่วยให้กล้องหลัก 108MP สามารถเก็บภาพระยะไกลได้คมชัดด้วยระบบ 3x Lossless Superzoom โดยยังคงรายละเอียดของภาพไว้ได้อย่างครบถ้วน

สำหรับรุ่น Pro จะมาพร้อมกับเทคโนโลยีกันสั่นไหว Optical Image Stabilization (OIS) ที่ช่วยลดการสั่นของกล้องและให้ภาพที่คมชัดยิ่งขึ้น และสามารถบันทึกวิดีโอจากกล้องหน้าที่ความชัด 32MP และกล้องหลังได้พร้อมกัน เพื่อเก็บภาพเหตุการณ์จากมุมมองที่แตกต่างกัน ผ่านโหมด Dual Video นอกจากนี้

ยังมีฟีเจอร์ตัดต่อวิดีโออย่าง Vlog Clipper ช่วยสร้างคอนเทนต์วิดีโอสั้นอย่าง vlog หรือ reels ได้อย่างสะดวกสบาย NOTE 40 จึงเป็นซีรีส์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งานที่ต้องการใช้สมาร์ตโฟนสำหรับถ่ายภาพได้อย่างเต็มรูปแบบ

 อีกขั้นของเกมมิ่งสมาร์ตโฟน

ซีรีส์ NOTE 40 มาพร้อมชิปเซ็ต D7020 และ G99 ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี 6nm ล้ำสมัย ช่วยประหยัดพลังงานและมอบประสิทธิภาพสูง ชิปเซ็ตเหล่านี้ทำงานร่วมกับระบบ AI อัจฉริยะบน XOS 14 อย่าง Folax, Ask AI และเครื่องมือสร้าง วอลเปเปอร์ AI

เพื่อเพิ่มการผลิตงานด้านความคิดสร้างสรรค์ได้มากยิ่งขึ้น และมอบ RAM สูงสุดถึง 24GB ช่วยให้การเปิดใช้งานแอปพลิเคชันต่าง ๆ ทำได้พร้อมกันอย่างไม่มีสะดุด

ใส่ความเห็น